วัยสามสิบ อยากลดหุ่น ต้องทำไงดีนะ 

วัยสามสิบ อยากลดหุ่น เพื่อนๆ และสาวๆ ที่อายุเข้าเลขสามแล้ว เชื่อว่าการเผาผลาญหรือลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนยากมากๆ ไม่ต้องแปลกใจนะเพราะว่าการที่เราอายุข้าเลสามแล้วร่างกายเปลี่ยนไปตามอายุแล้วนั้นเอง ซึ่งเราต้องทำการควบคุมหรือดูแลเรื่องการดูแลหุ่นและลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนให้มากขึ้นนะ ซึ่งวันนี้เราตัวช่วยมาบอกสาวๆ วัยสามสิบกันละ 

-กินแรกของวันให้ดี โดยเน้นการกินโปรตีน

เพื่อนๆและสาวๆ ที่กินมื้อแรก ตอนกี่โมงก็ตาม เพื่อนๆและสาวๆ จะกี่โมงก็ได้นะ แต่แนะนำว่าเพื่อนๆและสาวๆ ควรจะเน้นการกินโปรตีนให้มากๆเพราะว่าการกินโปรตีนจะช่วยทำให้อิ่มท้อง ไม่หิวจุกจิกและไม่มีไขมันสะสม นั้นเอง การกินโปรตีนจึงต้องเลือกกินโปรตีนลีนๆ นั้นเอง อย่าง อกไก่ ไข่ต้ม เนื้อปลา เนื้อหมูไม่ติดมันนั้นเอง 

-ทำ IF บางก็ดีนะ 

เพื่อนๆและสาวๆ ที่อายุเข้าเลขสามแล้ว แนะนำว่าทำ IF หรือ Intermittent Fasting ที่กินในช่วงเวลาที่ควรกินและไม่มีช่วงเวลาทื่เลิกกิน ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายทำการเผาผลาญไขมันได้ดีมากยิ่งขึ้น แนะนำว่าเพื่อนๆและสาวๆ ควรจะเลือกกินอย่างน้อย 3-7 วันแล้วแต่ร่างกายเพื่อนๆและสาวๆ ได้เลย 

-ดื่มน้ำให้มากขึ้น

เพื่อนๆและสาวๆ หลายๆคนที่ยังดื่มน้ำไม่มาก ยิ่งเราเข้าเลขสามแล้ว สิ่งที่สำคัญจริงๆ คือเพื่อนๆและสาวๆ ต้องหันมาดื่มให้มากๆ นะเพราะว่าการดื่มน้ำเปล่ามากๆจะช่วยทำให้เพื่อนๆและสาวๆ มีระบบการทำงานของร่างกายดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบหมุนเวียนของเลือด ระบบขับถ่าย หรือ ระบบเผาผลาญไขมันได้ดีอีกด้วยนะ

เน้นการกินผักและผลไม้ให้มากขึ้น

เพื่อนๆและสาวๆที่อยากกินอาหารที่ดีแล้ว ต้องหันมากินผักให้มากๆ    เครื่องช่วยฟัง    เพื่อเพิ่มไฟเบอร์ให้กับร่างกาย เราเพื่อการขับถ่ายที่ดี และกินผลไม้ด้วยนะ แนะนำว่ากินผลไม้ไม่หวานนะ เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินต่างๆให้กับร่างกายด้วยนะ 

งดดื่มน้ำหวานหรือกินขนมหวาน

เพื่อนๆและสาวๆ เข้าเลขสาม ที่เริ่มมีการเผาผลายญไขมันได้น้อยลง ต้องรีบงดหรือลดการกินขนมหวาน ดื่มน้ำหวานต่างๆ นานาน เพราะว่าการที่เรากินอาหารหวานๆ หรือเครื่องดื่มหวานๆ จะทำให้เราอ้วนง่ายแบบสุดๆ ไปเลย และไขมันในร่างกายจะเพิ่มแบบเราไม่ทันตั้งตัวเลยละ 

อย่าเครียดและพักผอ่นให้เพียงพอ

เพื่อนๆและสาวๆ คนไหนที่เครียดบ่อยๆ จะส่งผลทำให้เพื่อนๆและสาว ๆ จะยิ่งอ้วนได้ง่ายมากๆ และลดน้ำหนักได้ยากมากๆ ด้วยนะ แนะนำว่าเพื่อนๆ และสาวๆ ต้องไม่เครียดและพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะ

ลดน้ำหนักแบบสายชิว สบายกายสบายใจ

ลดน้ำหนักแบบสายชิว ใครที่อยากลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน แต่อยากเนสายชิวแบบสบายกายสบายใจ ลองทำตามวิธีนี้ดูสิ

-กินอาหารที่ดี หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ไม่ดีให้มากที่สุด

เพื่อนๆหรือสาวๆ แค่กินเหมือนที่เคยกินได้นะ แต่พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ดีต่อร่างกาย เช่น ของที่มีการแปรรูปเยอะ หรือ อาหารที่มีไขมันติดเยอะ และหันมากินอาหารที่ดีๆ แค่นี้ก็จะสบายใจในการกินและยังคงกินของที่ตัวเองชอบได้อยู่ด้วยนะ 

-ดื่มน้ำให้มากขึ้นอีกนิด

ใครที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องการดื่มน้ำ อาจจะลองหันมาสนใจดื่มน้ำให้มากขึ้นอีกนิด เพราะว่าการที่เราดื่มน้ำให้มากขึ้นจะช่วยเรื่องการทำให้เราอิ่มท้องง่ายขึ้นไม่หิวจุบจิบด้วยนะ

-หาของว่างกินได้นะ ไม่ต้องอด

การที่เราลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนนั้นแนะนำว่า ยังสามารถมีมื้อว่างหรือมีอาหารว่างได้อยู่นะ ไม่ต้องอดเลย แนะนำว่าเพื่อนๆแค่พยายามหามื้อว่างที่มีประโยชน์ทานเอานะ เพราะว่าการที่เรามีอาหารว่างระหว่างวันก็จะช่วยทำให้เราอารมณ์ดีได้ด้วยนะ และไม่หิวบ่อยๆ ด้วย

-เครื่องดื่มหวานๆ หรือที่สดชื่น กินได้นะ แต่ควบคุมปริมาณด้วย

เพื่อนๆและสาวๆ ที่ยังอยากของกินหวานหรือเครื่องดื่มหวานๆ ไม่ใช่ว่าจะกินไม่ได้เลยนะ      เครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุ        เพื่อนๆและสาวๆ สามารถกินได้นะ แต่จะต้องกินโดยที่เราควบคุมปริมาณให้ดี เพราะว่าหากกินไม่เยอะไป ไม่ได้วส่งผลต่อการลดน้ำหนักแน่นอน

-นอนให้เยอะๆ พักผ่อนๆ 

เพื่อนๆและสาวๆ คนไหนที่ไม่ค่อยได้นอน อันนี้ละเป็นสาเหตุที่ทำให้เราอ้วนง่าย หงุดหงิดง่าย เพราะว่าเรานอนไม่พอนั้นเอง ดังนั้นการที่เรานอนให้เพียงพอ หรือ นอนให้เยอะนั้นดีต่อจิตใจ และดีต่อร่างกายเราด้วยนะ 

-อย่าเครียดนะ อารมณ์ดีช่วยได้

การที่เราเครียด ไม่ว่าเราจะทำอะไร เราก็จะรู้สึกไม่ดี ต่อร่างกายเราและจิตใจเราด้วยและจะส่งผลต่อการลดน้ำหนักเวลาเราเครียดด้วยนะ เพราะว่าร่างกายเราจะไม่ยอมเผาผลาญไขมันยังไงละ ดังนั้น อย่าเครียดและทำให้เราอารมณ์ดีเข้าไว้นะ 

-มีชีทมิลได้นะ

ใครที่ลดน้ำหนักแล้วบางทีอยากกินอาหารหรือของตัวเองชอบ ในระหว่างที่ลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนมาสักพัก แล้ว สามารถมีชีทมิลได้นะ เพราะว่าการที่เรามีชีทมิลในช่วงเวลาที่เราลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนได้นะ การได้กินของที่ชอบจะทำให้เราไม่เครียดเกินไปและลดน้ำหนักต่อแบบสบายใจเลยละ

ลดน้ำหนัก อยากผอม กินมื้อเย็นยังไงดี ไม่ให้อ้วนน

ลดน้ำหนัก อยากผอม เพื่อนๆ และสาวๆ คนไหนที่อยากผอม และยังควบคุมอาหารได้ไม่ค่อยดี โดยเฉพาะมื้อเย็นละ เพราะฉะนั้นเพื่อนๆ และสาวๆ ลองทำตามวิธีที่เรามาบอกกันดูสิ จะได้ลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนทั้งๆที่ยังกินมื้อเย็นได้ด้วยนะ

1.ในแต่ละวัน ช่วงมื้อเช้าและกลางวัน กินอาหารที่ดี

เพื่อนๆ และสาวๆ ที่อยากผอม หรือ ลดความอ้วนได้ไวๆ ต้องกินมื้อเช้าและกลางวันนะ เพราะว่าการที่เรากิน 2 มื้อหลัก ตอนเย็นก็จะไม่หิวหรือตบะแตกได้ง่ายๆ ด้วย แต่ต้องเลือกอาหารที่ดีด้วยนะ อย่างคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน โปรตีนดี ไขมันดี 

2.เน้นการกินโปรตีนให้มากขึ้น

เพื่อนๆ และสาวๆ นอกจากการกินอาหารที่ดีแล้ว แนะนำมากๆนอกจากการกินอาหารที่ดีแล้ว ยังต้องเน้นการกินโปรตีนมากขึ้น อย่าง โปรตีนลีนๆ หรือโปรตีนดีๆ แบบ อกไก่ ไข่ต้ม ปลาต่างๆ มันจะช่วยทำให้เพื่อนๆและสาวๆ อิ่มได้นาน เพราะอาหารพวกนี้ ใช้ในการย่อยนานและกระตุ้นการเผาผลาญได้ดีด้วยนะ

3.ลด หรือ เลี่ยง น้ำตาล ของหวาน เครื่องดื่มหวานๆต่าง

เพื่อนๆและสาวๆ อยากจะลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน แนะนำอย่างยิ่งที่ควรจะ งด ลด หรือ เลี่ยง ไปเลยกับอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ที่หวานๆ อย่างชาเย็นหวานมัน กาแฟลาเต้หวานๆ ขนมหวานต่างๆ เพราะอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้มันอร่อยแต่อันตรายกับการลดน้ำหนักและความอ้วน เพราะมันจะเพิ่มความอยากกินนู้นกินนี่ตลอดเวลา และหาเราอยากกินนู้นนี่ ก็จะกินมื้อเย็นเยอะได้ด้วยนะ

4.กินผักให้เยอะขึ้นด้วน

การที่เพื่อนๆ และสาวๆ นั้น อยากผอมม ต้องหันมากินผักให้มากๆ นะ เพราะว่าการที่เรากินผักเยอะๆ จะช่วยทำให้ร่างกายเราได้รับไฟเบอร์เพียงพอและจะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายเราทำงานได้ดี มีประสิทธิภสาพ มากขึ้นไม่ท้องผูกบ่อยๆ ซึ้งเป็นตัวช่วยในการไม่สะสมสารพิษหรือของเสียในร่างกายนั้นเอง 

5.ดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ 

เพื่อนๆและสาวๆ เชื่อหรือไม่ว่าการกินน้พก่อนมื้ออาหารทุกๆมื้อจะช่วยทำให้เราอิ่มเร็วขึ้นและกินได้น้อยลงด้วยนะ หากเพื่อนๆ และสาวๆ คนไหนที่ไม่ค่อยดื่มน้ำ นั้นถือว่าพลาดมากๆ เพราะว่าน้ำเนี้ยละที่ช่วยทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ดี ไม่ว่าจะเป็นระบบขับถ่าย ระบบหมุนเวียนของเลือด ระบบเผาผลาญพลังงานด้วยนะ 

6.นอนให้เพียงพอต่อร่างกาย 

ใครที่นอนน้อยๆ เพื่อนๆ และสาวๆ ลองสังเกตุได้เลยว่ามีผลต่อการควบคุมความหิว ตื่นเช้ามาเราอาจจะยังไม่ค่อยหิวนะ เพราะร่างกายยังไม่ตื่รดี แต่พอกลางวัน ก็จะเริ่มอยากนู้นนี่ละ สุดท้ายมักจะตบะแตกในช่วงมื้อเย็นนั้นเอง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย      เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จหรือใส่ถ่านดีกว่ากัน

เคล็ดลับนอนหลับงง่ายๆที่ไม่ต้องไปใช้ยานอนหลับ

ซึ่งเราจะมาเสริมเทคนิคทำให้นอนหลับได้ดีเป็นเทคนิคที่แบบครีมมากเดี๋ยวจัดให้แล้วเทคนิคนี้บอกเลยไม่ต้องใช้ยาโดยเทคนิคนี้ประกอบด้วย2องค์ประกอบใหญ่ๆคือ หนึ่ง แก้ตรงพฤติกรรมการนอนของท่าน สอง ควบคุมสิ่งที่มากระตุ้นให้ท่านนอนไม่หลับแบ่งง่ายๆแค่นี้เองอันดับแรกก่อนเลย

สำหรับการปรับพฤติกรรมการนอนของท่านข้อหนึ่ง

พยายามนอนให้ตรงเวลาเรารู้ว่าบางคนก็บอกว่า เคล็ดลับนอนหลับงง่ายๆ เฮ้ยหมอใครมันจะไปนอนตรงเวลาไปได้ทุกวันนู้นนี่นั่นเราบอกอย่างนี้ ถ้าท่านบอกว่าชีวิตของท่านสำคัญร่างกายของท่านสำคัญชีวิตของท่านมันมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นในโลกเนี้ยท่านก็นอนให้ตรงเวลาเชื่อผมชีวิตท่านจะดีเองอะไรที่เห็นว่าสำคัญเราจะทำได้อะไรที่เราเห็นว่าสำคัญเพียงพอเราจะทำมันจนได้

ข้อที่สอง นอนระหว่างวันอย่างมีชั้นเชิงเขาเรียกว่า คาปูชิโน แนปปิ้ง

คือดื่มกาแฟสักแก้วหนึ่ง หลับตาสัก20นาทีไม่ต้องหลับจริงก็ได้หลับตาพักผ่อนสายตาเหมือนนั่งสมาธิ    หูตึงรักษาหายไหม        ก็ได้สัก20-30นาทีแค่นี้ทดแทนการนอนตอนกลางคืนได้ถึง3-4ชั่วโมงเลยทีเดียวแต่กลางคืนไม่ใช่ไม่ให้นอนก็นอนเหมือนเดิมก็อย่างน้อยต้องนอน4-6ชั่วโมงถ้าให้ดีก็ได้7-8ชั่วโมงก็เฟ็คตอนกลางคืน

อันที่สาม ที่นอน คือ ที่นอน ที่นอนเอาไว้นอนและเอาไว้กระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวเช่นอ่านนิทานให้ลูฟัง อยู่กับภรรยาอยู่กับคนที่เรารักเขาเรียกว่าที่นอนเอาไว้นอนและกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวอย่าเอางานขึ้นไปทำบนที่นอนมันจะไปกระตุ้นความเคีรยดแล้วท่านจะไปนอนหลับได้ไงไม่ต้องนอน

นอกจากนี้งานก็ทำไม่ได้เรื่องหลับๆตื่นๆความรู้สึกเหมือนขยันไม่ได้ทำให้งานเสร็จงานเสร็จคือเสร็จรู้สึกขยันแหมไปหลับคาเตียงเลยงานไม่เสร็จไม่เกิดประโยชน์จะทก็ลุกขึ้นมานั่งทำอย่าไปนอนทำบนเตียงไม่มีประโยชน์ไร

ข้อที่สาม นอนไม่หลับ 20-30นาที ให้ลุกขึ้นมาแล้วอย่าฝืน ถ้านอนไม่หลับ20-30นาทีท่านบุกขึ้นมาได้แล้วอย่าไปฝืนและอย่าไปฝืนนอนต่อมันไม่เกิดประโยชน์

ข้อที่สี่ พยายามตื่นเวลาเดิมทุกวัน เพื่อให้นาฬิกาในร่างกายของท่านมันทำงานได้ดีตลอดนี่ก็คือการปรับพฤติกรรมการนอน

คราวนี้เรามาดูในส่วนที่สองก็คือควบคุมสิ่งที่มีกระตุ้นให้ท่านนอนไม่หลับสิ่งที่กระตุ้นให้ท่านนอนไม่หลับมันมีหลายอย่างเลยเราจะควบคุมได้อย่างไงอาหารที่จะกระตุ้นการนอนไม่หลับให้คุณหลีกเลี่ยงอาหารที่จะกระตุ้นการนอนไม่หลับก็๕อชากาแฟน้ำดื่มน้ำดำต่างๆพวกนี้ยาชูกำลังหลังบ่ายสามไม่แนะนำอย่าทานหากทานเข้าไปงานงอกเลยนอนไม่หลับตานี่ถ่างเลย

สาเหตุที่เป็นปัญหาสุขภาพในวัยทำงาน

สาเหตุที่เป็นปัญหาสุขภาพในวัยทำงาน สุขภาพร่างกาย เป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญต่อมนุษย์เราเป็นอย่างมาก ทั้งยังเป็นสิ่งที่เราควรดูแลใส่ใจ และควรให้ความสนใจเป็นอย่ามาก เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่สุขภาพร่างกายของเราไม่แข็งแรง ก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยทำงาน

ซึ่งเป็นหนึ่งในวัยที่นอกจากจะพบเจอกับกความเครียด ความกดดันมากมาย จากการทำงาน ที่อาจเป็นปัญหาต่อสุขภาพร่างกายแล้ว ยังเป็นวัยที่มีโอกาสสูงมากที่ต้องเจอกับโรคร้ายต่าง ๆ มากมาย เพราะแน่นอนว่าสุขภาพร่างกายมนุษย์เรานั้นก็อาจเสื่อมสภาพลงได้

ยิ่งเราอายุเพิ่มมากขึ้น ปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ก็อาจเกิดขึ้นได้ง่ายเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าหนุ่มสาววัยทำงาน

เป็นช่วงวัยที่ต้องทำงานอย่างหนัก จนทำให้หลายคนไม่ค่อยได้สนใจในเรื่องของสุขภาพร่างกาย และสุดท้ายทำให้ร่างกายประสบกับปัญหาต่าง ๆ มากมาย ดังนั้น วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ร่างกายของเรานั้นมีปัญหาต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้น จะมีอะไรกันบ้างที่เราควรระมัดระวัง เผื่อว่าอนาคตเราจะได้รู้เท่านั้น และป้องกันไม่ให้ร่างกายของเราเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายได้ง่าย จะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย 

ความเครียด แน่นอนว่าความเครียด เป็นสาเหตุหลักที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่พบเจอกันได้บ่อยมาก ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะเนื่องจากในแต่ละวันนั้น ชีวิตคนเราเต็มไปด้วยการทำงาน การเรียน หรือแม้แต่เรื่องส่วนตัว ที่เป็นต้นเหตุทำให้เรามีความเครียด ซึ่งรู้หรือว่า ยิ่งถ้าเราไปจมปักอยู่กับปัญหาเดิม ๆ โดยไม่ทำการแก้ไข นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเราแล้วนั้น ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเราได้อีกด้วย และที่สำคัญเลยก็คือ อาจทำให้เราได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายได้ง่าย เช่น โรคหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิต รวมไปถึงการเป็นไม่เกรนอีกด้วย 

การเป็นออฟฟิศซินโดรม เป็นหนึ่งในโรคที่พบได้บ่อยในวัยทำงาน โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานออฟฟิศ เพราะการที่เราต้องนั่งทำงานนาน ๆ ตลอดทั้งวัน หรือเป็นเวลานาน จะยิ่งทำให้เรามีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมได้ง่ายมากขึ้น    เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน      ซึ่งอาการของโรคนี้จะอาการปวดหลัง ปวดเมื่อยตามกระดูก หรือกล้ามเนื้อ ยิ่งถ้าเราปล่อยไว้นาน ก็อาจทำให้เราเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมได้นั่นเอง 

การเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะ อีกสาเหตุหนึ่งที่เป็นต้นเหตุของปัญหาสุขภาพร่างกายของหนุ่มสาววัยทำงาน คือการนั่งทำงานนาน จนไม่มีเวลาลุกไปเข้าห้องนำ บางคนอาจกดดันจนทำให้ต้องอั้นฉี่เป็นเวลานาน ซึ่งรู้หรือไม่ว่า โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นโรคที่พบได้บ่อยในวัยทำงาน เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่ชอบอั้นปัสสาวะบ่อยนั่นเอง ยิ่งถ้าเราปล่อยไว้นานนอกจากจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อสุขภาพร่างกายของเราแล้วนั้น ยังส่งผลให้ร่างกายได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายอย่างกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้อีกด้วย 

ถั่วงอกเล็กให้คุณค่าทางโภชนาการสูง

ถั่วงอกเล็กให้คุณค่าทางโภชนาการสูง ย้ายแครอททารกและถั่วลันเตา แม้แต่ผักที่มีขนาดเล็กกว่าก็ยังเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ผักไมโครสเกล ซึ่งเป็นอาหารสำหรับปลูกที่มีเมล็ดงอก มีขนาดเล็กแต่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง Emily Ho ศาสตราจารย์ด้านโภชนาการและผู้อำนวยการสถาบัน Linus Pauling แห่ง Oregon State University ในเมือง Corvallis ระบุว่า การกินถั่วงอกให้ดีก่อนที่จะเติบโตเต็มที่สามารถเพิ่มระดับสารอาหารบางอย่างได้อย่างมาก

ถั่วงอกอายุห้าถึงเจ็ดวันมักจะให้ประโยชน์ทางโภชนาการมากกว่าพืชที่โตเต็มที่ โฮซึ่งเป็นที่รู้จักทั่ววิทยาเขตว่าเป็น ผู้หญิงบร็อคโคลี่เนื่องจากการวิจัยของเธอเกี่ยวกับประโยชน์ต่อสุขภาพของถั่วงอกบรอกโคลี

ถั่วเขียวและถั่วงอกที่คุ้นเคยกันมากที่สุดในฐานะถั่วงอก มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอาหารเอเชียและอาหารมังสวิรัติ

คนที่รักสุขภาพมักจะชอบทานอาหารที่มีถั่วงอกเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ธัญพืช พืชตระกูลถั่ว และผักใบเขียวล้วนเริ่มต้นชีวิตที่แตกหน่อของพวกเขาในฐานะเมล็ดพืชที่เริ่มกระบวนการงอกเมื่อสัมผัสกับความชื้นและความอบอุ่น ภายในหนึ่งสัปดาห์ พืชที่แตกหน่อจำนวนมากพร้อมที่จะกินก่อนที่ใบจะโต ไมโครกรีนเป็นสมาชิกประเภทผักไมโครสเกลอีกประเภทหนึ่ง แต่สีเขียวอ่อนและอ่อนของ arugula หัวไชเท้าโหระพาและเมล็ดพืชอื่น ๆ

มักจะเก็บเกี่ยวช้ากว่าถั่วงอกและมีลำต้นเล็ก ๆ และใบคู่เล็ก ๆ ที่โผล่ออกมาภายใน 10-20 วัน ประโยชน์ต่อสุขภาพของถั่วงอกรวมถึงการย่อยที่ดีขึ้นของทั้งคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน การงอกกระตุ้นการหลั่งของเอ็นไซม์เพื่อย่อยแป้งก่อนการย่อย ซึ่งอาจช่วยในเรื่องสุขภาพของลำไส้และลดก๊าซในลำไส้ โฮอธิบายว่าการแตกหน่อไม่ได้เปลี่ยนรายละเอียดทางโภชนาการของพืช แต่ช่วยให้ปล่อยสารประกอบที่เป็นประโยชน์ออกมาได้ดีขึ้น

ตัวอย่างเช่น อาหารจากพืชประกอบด้วยไฟเตตที่จับกับแร่ธาตุ เช่น สังกะสี เหล็ก และแมกนีเซียม เพื่อป้องกันไม่ให้แร่ธาตุเหล่านั้นถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย มนุษย์ไม่มีเอ็นไซม์ในการสลายไฟเตต แต่กระบวนการแตกหน่อช่วยให้เอ็นไซม์ในพืชปล่อยทำอย่างนั้น ซึ่งช่วยให้แร่ธาตุถูกดูดซึมได้อย่างอิสระ เมล็ดพืชและผักใบเขียวที่แตกหน่อมีวิตามินซี วิตามินบี และสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าซึ่งเกิดขึ้นจริงที่ความเข้มข้นสูง

คุณสามารถกินบร็อคโคลี่ 50 ถ้วยหรือถั่วงอกบร็อคโคลี่หนึ่งถ้วย      เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก      สำหรับโภชนาการและประโยชน์ที่คล้ายคลึงกัน” โฮกล่าว การรับประทานถั่วงอกและไมโครกรีนที่อุดมด้วยสารอาหารจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ใหญ่ 9 ใน 10 คนในสหรัฐอเมริกาที่ตามข้อมูลการสำรวจของรัฐบาลกลาง

ไม่ได้บริโภคผักในปริมาณที่เพียงพอ บางคนไม่ชอบรสชาติของบร็อคโคลี่ กะหล่ำดอก กะหล่ำปลีหรือผักตระกูลกะหล่ำอื่น ๆ ที่มีรสขมเพราะสารเคมีที่เป็นประโยชน์จากพืชที่มีกำมะถัน แต่ผักที่แตกหน่อนั้นไม่มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และมีรสหวานเล็กน้อย

ศักยภาพในการสร้างผลกระทบ

ศักยภาพในการสร้างผลกระทบ Hutcherson นักศึกษาการศึกษาที่ปรึกษาชั้นปีที่ 2 ได้รับรางวัลสำหรับความเป็นเลิศทางวิชาการ ความหลงใหลในการให้คำปรึกษา และศักยภาพในการสร้างผลกระทบในสาขานี้ ในงานเลี้ยงรับรองเมื่อต้นเดือนนี้ Danielle Hutcherson นักศึกษาที่ปรึกษาด้านการศึกษาปีที่สองได้รับรางวัล Tamara E. Davis Graduate Student of the Year ประจำปี 2022

ของสมาคมที่ปรึกษาโรงเรียนแห่งเวอร์จิเนีย วัตถุประสงค์ของรางวัลคือการยกย่องนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่โดดเด่นซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศในหลักสูตรการศึกษาของพวกเขา แสดงความมุ่งมั่นในการเข้าสู่สาขาการให้คำปรึกษาของโรงเรียน และแสดงศักยภาพที่ยอดเยี่ยม

Hutcherson ซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก UVA เช่นกัน ได้รับการเสนอชื่อโดยคณาจารย์ของ UVA

ซึ่งบรรยายว่าเธอเป็นคนอบอุ่น ใจดี และมุ่งมั่นที่จะให้บริการนักศึกษา Julia Taylor รองศาสตราจารย์ด้านการศึกษาที่ปรึกษากล่าวว่า “Danielle แสดงความมุ่งมั่นในการเป็นที่ปรึกษาโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ” “นอกเหนือจากการประสบความสำเร็จในตำแหน่งภาคสนามแล้ว แดเนียลยังได้เรียนหลักสูตรเพิ่มเติมอีก 5 หลักสูตรในการเป็นผู้นำด้านสุขภาพจิตของโรงเรียน และจะสำเร็จการศึกษาด้วยหน่วยกิตเกือบ 70 หน่วยกิต

ระดับปริญญาตรีของเธอคือสาขาเยาวชนและนวัตกรรมทางสังคม และเธอได้ฝึกฝนทักษะการรณรงค์และการรับรู้ที่ขัดเกลา ของปัจจัยทางวัฒนธรรม การเมือง และเศรษฐกิจสังคมที่ส่งผลต่อความสำเร็จของนักเรียน และความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะช่วยให้เยาวชนประสบความสำเร็จ”

เทย์เลอร์ยังสังเกตเห็นความตั้งใจของเธอที่จะให้บริการเพื่อนนักเรียนและด้านการให้คำปรึกษาในโรงเรียน Danielle เป็นบุคคลที่มีส่วนร่วมซึ่งมีจุดมุ่งหมายอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความแตกต่าง ตัวอย่างเช่น เธอเป็นประธานองค์กรนักศึกษาของเราและก้าวไปข้างหน้าอย่างมากในการมีส่วนร่วมกับนักศึกษาในกิจกรรมทางสังคม การอยู่ร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเธอ และเธอต้องการให้นักศึกษาของเรารู้สึกเชื่อมโยงถึงกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ต้องแยกตัวจากโควิดเป็นเวลานาน เธออาสาช่วยเหลือทุกกิจกรรมที่โปรแกรมของเราเสนอ ตั้งแต่วันสัมภาษณ์ไปจนถึงการปฐมนิเทศนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา เธอมั่นใจว่าจะนำคุณลักษณะเหล่านี้ไปใช้ในอาชีพของเธอและได้แสดงศักยภาพที่โดดเด่นแล้ว”

เราขอให้ฮัทเชอร์สันแบ่งปันเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสบการณ์ของเธอและความหวังของเธอในอนาคต

อะไรทำให้คุณอยากมีอาชีพในการให้คำปรึกษาในโรงเรียน ฉันสนใจด้านการศึกษาและการทำงานในโรงเรียนมาโดยตลอด แต่ฉันรู้ว่าฉันไม่ต้องการเป็นครู ในช่วงปีการศึกษา 2020-21 ฉันทำงานเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้เสมือนจริง ดังนั้นฉันจึงช่วยนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-7 เรียนในโรงเรียนเสมือนจริงให้สำเร็จ จากประสบการณ์นั้น ฉันได้ช่วยเหลือนักเรียนในด้านวิชาการ

แต่ฉันยังได้พูดคุยกับพวกเขาและช่วยพวกเขาจัดการกับช่วงเวลาที่ท้าทายที่พวกเขาเผชิญอยู่ ฉันตระหนักว่าฉันชอบที่จะได้พบนักเรียนที่จุดบรรจบกันระหว่างวิชาการ พัฒนาการทางอารมณ์ทางสังคม และชีวิตส่วนตัว และฉันต้องการค้นหาอาชีพที่ตรงกับความสนใจเหล่านั้น!

ทำไมคุณตัดสินใจลงทะเบียนในโปรแกรมให้คำปรึกษา UVA EHD คณาจารย์ที่น่าทึ่งที่เรามีในโปรแกรมการศึกษาของที่ปรึกษาคือผู้ที่ดึงดูดฉันให้เข้าร่วมโปรแกรมนี้โดยเฉพาะ ทุกปฏิสัมพันธ์ที่ฉันมีกับพวกเขาตลอดขั้นตอนการรับสมัครเป็นการยืนยันว่าฉันต้องการเรียนรู้จากพวกเขาและฝึกอบรมภายใต้การดูแลของพวกเขา ฉันยังเรียนระดับปริญญาตรีที่ UVA ดังนั้นชาร์ลอตส์วิลล์จึงกลายเป็นบ้านของฉันตลอดหลายปีที่ผ่านมา

คุณจะอธิบายประสบการณ์ของคุณในโปรแกรมว่าอย่างไร ประสบการณ์ของฉันในโปรแกรมนี้เต็มไปด้วยการเติบโตอย่างมากทั้งในด้านส่วนตัวและด้านอาชีพ การมีโอกาสเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่สุดในสาขานี้เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมจริงๆ และไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากจะมองข้าม แน่นอนว่ามีความท้าทายในบางครั้ง แต่ฉันได้เรียนรู้มากมายในโปรแกรมนี้เกี่ยวกับตัวฉัน อาชีพ และโลกรอบตัวฉันว่าฉันจะไม่แลกกับสิ่งใด

 

สนับสนุนโดย      เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่

แอนติเจนของหัวใจระบุว่าเป็นกลไกสำหรับภาวะแทรกซ้อน

สำหรับภาวะแทรกซ้อนของหัวใจด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันบำบัด กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยสารยับยั้งจุดตรวจภูมิคุ้มกัน

แม้ว่าเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก โดยมีผลน้อยกว่า 1% ของผู้ป่วยที่ได้รับการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน แต่อัตราการเสียชีวิตเกือบ 50% ตอนนี้นักวิจัยจาก Vanderbilt-Ingram Cancer Center ได้ระบุกลไกของการอักเสบของหัวใจที่ร้ายแรง

นักวิจัยค้นพบว่า T-cells ที่จดจำแอนติเจนของหัวใจ α-myosin เป็นกลไกสำหรับภาวะแทรกซ้อนนี้ โดยกำหนดกรอบการทำงานเพื่อระบุ biomarkers เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสามารถรับรู้ได้และพัฒนากลยุทธ์ทางการแพทย์เพื่อให้ทนต่อการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน การค้นพบของพวกเขาได้รับการรายงานในวันที่ 16 พฤศจิกายนใน Nature “ในปี พ.ศ. 2559

กลุ่มวิจัยของเราได้อธิบายผู้ป่วยมะเร็งผิวหนัง 2 รายที่ได้รับการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันซึ่งเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และได้ทำการศึกษาในช่วงต้นที่เชื่อมโยงการทำงานของทีเซลล์ในหัวใจกับสภาวะดังกล่าว

ซึ่งเป็นผลงานที่ตีพิมพ์ในวารสาร The New England Journal of Medicine” Justin Balko, PharmD, PhD, รองศาสตราจารย์ Ingram of Cancer Research และผู้เขียนร่วมของการศึกษากล่าว “ต่อจากนั้น

การทำงานของ James P. Allison ผู้ได้รับรางวัลโนเบล ปริญญาเอกจาก MD Anderson Cancer Center ในฮูสตัน เราช่วยกำหนดลักษณะเฉพาะของโมเดลเมาส์ที่ดูเหมือนจะจำลองสิ่งที่เราสังเกตเห็นในผู้ป่วย (เผยแพร่ใน Cancer Discovery ในปี 2020) โดยใช้โมเดลเดียวกันนั้น ร่วมกับเนื้องอกวิทยา Douglas Johnson, MD, MSCI ที่ Vanderbilt และผู้ร่วมเขียน Javid Moslehi, MD, ที่ UCSF เราสามารถระบุกลไกของสาเหตุที่มันเกิดขึ้น

และที่สำคัญ แปลสิ่งนี้กลับไปยังผู้ป่วยได้ แสดงถึงขั้นตอนสำคัญต่อไปในการทำให้การรักษาที่ได้ผลดีเหล่านี้มีความปลอดภัยมากขึ้นในผู้ป่วย”

ทีมวิจัยได้รับตัวอย่างหัวใจและเลือดจากผู้ป่วย 3 รายที่มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบรุนแรงหลังจากได้รับการรักษาด้วยสารยับยั้งจุดตรวจภูมิคุ้มกั

ตัวอย่างเหล่านี้ได้รับการวิเคราะห์หลังจากที่ทีมทำซ้ำ myocarditis ที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันในรูปแบบเมาส์ นักวิจัยจัดลำดับทีเซลล์แต่ละตัวที่บุกรุกหัวใจระหว่างกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในแบบจำลองเมาส์เพื่อสร้างตัวรับขึ้นมาใหม่ จากนั้นตัวรับ T เซลล์เหล่านี้จะถูกคัดกรองเทียบกับเปปไทด์เพื่อกำหนดความจำเพาะ

หลังจากการระบุเปปไทด์ที่เฉพาะเจาะจง นักวิจัยได้วิเคราะห์ตัวอย่างของมนุษย์และพบว่าผู้ป่วยทั้งสามมีทีเซลล์ที่ทำปฏิกิริยากับแหล่งแอนติเจนเดียวกันนี้ ซึ่งเป็นโปรตีนที่เรียกว่า α-myosin ซึ่งแสดงออกเฉพาะในหัวใจและกล้ามเนื้อโครงร่างเท่านั้น

การขยายการค้นพบของเราจากโมเดลเมาส์ไปยังผู้ป่วยที่เป็นมนุษย์เป็นส่วนสำคัญของงานของเรา ผลลัพธ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการมีแบบจำลองของเมาส์มีประโยชน์อย่างไร ซึ่งคุณสามารถค้นพบเบื้องต้นและใช้สิ่งนั้นเพื่อทำความเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับโรคในมนุษย์ ข้อมูลของเราแสดงให้เห็นว่า α-myosin เป็น autoantigen ที่เกี่ยวข้องกับโรคในผู้ป่วย

myocarditis ที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันบำบัด เราหวังว่าความเข้าใจเกี่ยวกับกลไกของภาวะแทรกซ้อนที่มักทำให้เสียชีวิตนี้สามารถปูทางไปสู่การสร้างภูมิคุ้มกันบำบัดที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับผู้ป่วย” Margaret Axelrod, PhD, ผู้เขียนนำของการศึกษา, นักศึกษาโครงการฝึกอบรมนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ Vanderbilt ซึ่งสำเร็จปริญญาเอกของเธอใน Balko’s Lab กล่าว

 

สนับสนุนโดย      เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่

อาหารเพื่อสุขภาพั้ดีและจำเป็น

อาหารเพื่อสุขภาพเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการมีสุขภาพที่ดีและโภชนาการ ช่วยปกป้องคุณจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหลายอย่าง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็ง การรับประทานอาหารที่หลากหลายและบริโภคเกลือ น้ำตาล และไขมันทรานส์อิ่มตัวและไขมันทรานส์ที่ผลิตโดยอุตสาหกรรมให้น้อยลง

เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพประกอบด้วยอาหารหลายชนิดรวมกัน ซึ่งรวมถึง ลวดเย็บกระดาษ เช่น ซีเรียล (ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรย์ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หรือข้าว) หรือหัวหรือรากที่เป็นแป้ง (มันฝรั่ง มันเทศ เผือก หรือมันสำปะหลัง) พืชตระกูลถั่ว (ถั่วและถั่ว).

อาหารเพื่อสุขภาพั้ดีและจำเป็น ผลไม้และผัก อาหารจากแหล่งสัตว์ (เนื้อ ปลา ไข่ และนม) ต่อไปนี้คือข้อมูลที่เป็นประโยชน์บางส่วน ตามคำแนะนำของ WHO ในการปฏิบัติตามอาหารเพื่อสุขภาพ และประโยชน์ของการทำเช่นนั้น ทารกที่กินนมแม่และเด็กเล็ก การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพเริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ดี และอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น การลดความเสี่ยงที่จะมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน และการพัฒนาโรคไม่ติดต่อในภายหลัง

การให้อาหารทารกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือนของชีวิตเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอาหารเพื่อสุขภาพ สิ่งสำคัญคือต้องแนะนำอาหารเสริมที่ปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลายเมื่ออายุ 6 เดือน ในขณะที่ให้นมลูกต่อไปจนกว่าลูกของคุณจะอายุ 2 ขวบขึ้นไป

  กินผักและผลไม้ให้มาก เป็นแหล่งสำคัญของวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร โปรตีนจากพืช และสารต้านอนุมูลอิสระ

ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีผักและผลไม้สูงมีความเสี่ยงต่อโรคอ้วน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน และมะเร็งบางชนิดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

กินไขมันน้อยลง ไขมันและน้ำมันและแหล่งพลังงานเข้มข้น การกินมากเกินไป โดยเฉพาะไขมันผิดประเภท เช่น ไขมันทรานส์ที่อิ่มตัวและที่ผลิตในอุตสาหกรรม สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ การใช้น้ำมันพืชไม่อิ่มตัว (น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน หรือน้ำมันข้าวโพด) แทนไขมันสัตว์หรือน้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวสูง (เนย เนยใส น้ำมันหมู มะพร้าว และน้ำมันปาล์ม) จะช่วยให้บริโภคไขมันที่ดีต่อสุขภาพ

เพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มของน้ำหนักที่ไม่ดีต่อสุขภาพ การบริโภคไขมันทั้งหมดไม่ควรเกิน 30% ของการบริโภคพลังงานทั้งหมดของบุคคล

   จำกัดการบริโภคน้ำตาล สำหรับอาหารเพื่อสุขภาพ น้ำตาลควรน้อยกว่า 10% ของพลังงานทั้งหมดที่ได้รับ การลดให้เหลือต่ำกว่า 5% มีประโยชน์ต่อสุขภาพเพิ่มเติม การเลือกผลไม้สดแทนขนมหวาน เช่น คุกกี้ เค้ก และช็อกโกแลต ช่วยลดการบริโภคน้ำตา การจำกัดการบริโภคน้ำอัดลม โซดา และเครื่องดื่มอื่นๆ ที่มีน้ำตาลสูง (น้ำผลไม้ น้ำเชื่อมและน้ำเชื่อม นมปรุงแต่ง และเครื่องดื่มโยเกิร์ต) ก็ช่วยลดการบริโภคน้ำตาลได้เช่นกัน

ลดการบริโภคเกลือ การรักษาปริมาณเกลือของคุณให้น้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อวันช่วยป้องกันความดันโลหิตสูงและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองในผู้ใหญ่ การจำกัดปริมาณเกลือและเครื่องปรุงรสที่มีโซเดียมสูง (ซีอิ๊วและน้ำปลา) เมื่อปรุงอาหารและเตรียมอาหารจะช่วยลดการบริโภคเกลือ

 

สนับสนุนโดย.      เครื่องช่วยฟังคนหูหนวก

คุณควรดื่มน้ำ 3 ลิตรต่อวันหรือไม่

คุณควรดื่มน้ำ 3 ลิตรต่อวัน ไม่เป็นความลับว่าน้ำมีความสำคัญต่อสุขภาพของคุณ อันที่จริง น้ำประกอบด้วยน้ำหนักตัว 45–75% และมีบทบาทสำคัญในสุขภาพของหัวใจ การควบคุมน้ำหนัก สมรรถภาพทางกาย และการทำงานของสมอง การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการเพิ่มปริมาณน้ำของคุณอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย  อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำที่คุณต้องการยังเป็นประเด็นถกเถียง

และการดื่มมากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณได้ บทความนี้กล่าวถึงข้อดีและข้อเสียของการดื่มน้ำ 3 ลิตร (100 ออนซ์) ต่อวัน

รองรับสุขภาพโดยรวม การมีน้ำเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากน้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกระบวนการทางร่างกายที่หลากหลาย และเป็นศูนย์กลางของสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ของเหลวนี้ช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ขนส่งสารอาหาร รักษาการทำงานของสมอง และเพิ่มประสิทธิภาพทางกายภาพ การดื่มน้ำไม่เพียงพออาจส่งผลเสีย และอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ เหนื่อยล้า ท้องผูก ปวดหัว และเวียน

ดังนั้นการดื่มน้ำ 3 ลิตร (100 ออนซ์) ต่อวันอาจช่วยให้คุณได้รับน้ำเพียงพอเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น อาจช่วยเพิ่มการลดน้ำหนัก การเพิ่มปริมาณน้ำของคุณอาจช่วยลดน้ำหนักได้ การดื่มน้ำก่อนอาหารมีประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องจากจะช่วยกระตุ้นความรู้สึกอิ่มและลดความอยากอาหาร การศึกษาหนึ่งใน 24 คนพบว่าการดื่มน้ำ 500 มล. (17 ออนซ์) ก่อนอาหารเช้าช่วยลดจำนวนแคลอรีที่บริโภคได้ 13%  ในทำนองเดียวกัน

การศึกษาขนาดเล็ก 12 สัปดาห์แสดงให้เห็นว่าการดื่มน้ำ 500 มล. (17 ออนซ์) ก่อนอาหารแต่ละมื้อโดยเป็นส่วนหนึ่งของอาหารแคลอรี่ต่ำทำให้น้ำหนักลดลง 44% เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม 

การดื่มน้ำอาจช่วยเพิ่มการเผาผลาญของคุณชั่วคราว ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนแคลอรีที่คุณเผาผลาญได้ตลอดทั้งวัน ในการศึกษาเล็กๆ ใน 16 คน การดื่มน้ำ 500 มล. (17 ออนซ์) ช่วยเพิ่มการเผาผลาญชั่วคราว 24% ใน 1 ชั่วโมง ซึ่งอาจช่วยลดน้ำหนักได้ 

อาจปรับปรุงสุขภาพผิว งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่าการดื่มน้ำมากขึ้นสามารถช่วยให้ผิวของคุณอ่อนนุ่มและเรียบเนียน ตัวอย่างเช่น การศึกษาเป็นเวลานานหนึ่งเดือนใน 49 คนระบุว่าการดื่มน้ำเพิ่มขึ้น 2 ลิตร (67 ออนซ์) ต่อวันช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่ดื่มน้ำน้อยกว่า 3.2 ลิตร (108 ออนซ์) ทุกวัน  การศึกษาอื่นในผู้สูงอายุ 40 คนเชื่อมโยงการบริโภคของเหลวที่สูงขึ้นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นของผิวและค่า pH ของผิว (9)

ค่า pH ของผิวมีบทบาทสำคัญในการรักษาเกราะป้องกันผิวของคุณ ซึ่งอาจส่งผลต่อความเสี่ยงต่อสภาพผิวบางอย่าง (10) นอกจากนี้ การทบทวนผลการศึกษา 6 ชิ้นพบว่าการดื่มน้ำที่เพิ่มขึ้นช่วยลดความแห้งกร้านและความหยาบกร้าน เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว และเพิ่มความชุ่มชื้น

 

สนับสนุนโดย.        เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก